บุนนาค
บุนนาค
ชื่อพื้นเมือง : นาคบุญ ปะนาคอ
สารภีดอย ก๊าก่อ ก้ำก่อ
ชื่อสามัญ :
Iron wood, Indian rose chestnut
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mesua ferrea
Linn.
ชื่อวงศ์ :
Calophyllaceae
ด้านนิเวศวิทยา
มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย
ศรีลังกา อินโดจีน พม่า ไทย คาบสมุทรมาเลเซีย และสิงค์โปร์
ขึ้นทั่วไปในป่าดิบทางภาคเหนือและภาคใต้
ที่ระดับน้ำทะเล จนถึง 700
เมตร
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้นบุนนาค
จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
มีความสูงประมาณ 15-25
เมตร และอาจสูงได้ถึง 30 เมตร
ลักษณะเป็นทรงยอดพุ่มทึบและแคบ มีทรงพุ่มใหญ่ลักษณะคล้ายเจดีย์ต่ำ ๆ
มีพูพอนเล็กน้อยตามโคนต้น เป็นไม้ไม่ผลัดใบ เนื้อไม้แข็ง กิ่งก้านเรียวเล็กห้อยลง
เปลือกต้นมีสีน้ำตาลเข้ม มีรอยแตกตื้น ๆ หลุดร่วงได้ง่าย
ที่เปลือกชั้นในจะมีน้ำยางสีเหลืองอ่อนเล็กน้อย
ส่วนในเนื้อไม้จะมีสีแดงคล้ำเป็นมันเลื่อม พบได้มากในป่าดิบชื้น
ตามลำธารหรือริมห้วย พบได้มากในประเทศอินเดียและศรีลังกา
นอกจากนี้ต้นบุนนาคยังจัดเป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดพิจิตรอีกด้วย
ใบบุนนาค
ใบเป็นใบเดี่ยว
ออกตรงข้ามกัน ลักษณะของใบคล้ายรูปหอกหรือรูปขอบขนานแกมรูปหอก ปลายใบเรียวแหลม
คล้ายใบมะปราง โคนใบสอบ แผ่นใบหนา ผิวใบเรียบเกลี้ยง ท้องใบมีคราบขาวปกคลุมอยู่
ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.2-4
เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-13 เซนติเมตร
ใบอ่อนจะมีสีชมพูออกแดง ส่วนใบแก่ด้านบนจะมีสีเขียวเข้ม ส่วนด้านล่างมีนวลสีเทา
มีเส้นใบข้างมากแต่ไม่เห็นชัด ใบห้อยลงเป็นพู่ ก้านใบยาวประมาณ 0.8-1.2 เซนติเมตร ออกพร้อมกันทั้งต้นช่วงไม่กี่วันในแต่ละปี
ดอกบุนนาค
ออกดอกเป็นดอกเดี่ยวหรือดอกคู่ตามซอกใบหรือปลายกิ่ง
กลีบดอกมีสีขาวจนถึงสีเหลืองอ่อน กลีบดอกมี 5 กลีบซ้อนกัน
ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปไข่หัวกลับ ปลายบานและเว้า โคนสอบ ปลายกลีบย่นเล็กน้อย
เมื่อดอกบานเต็มกลีบจะแผ่กว้างออก และมีเส้นผ่านศูนย์กลางของดอกราว 5-10 เซนติเมตร ดอกบุนนาคเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ดอกจะห้อยลง ก้านดอกยาวน้อยกว่า 1
เซนติเมตร มีเกสรตัวผู้มากกว่า 50 อัน
เกสรตัวผู้ยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร มีสีเหลืองส้มและเป็นฝอย
ส่วนอับเรณูเป็นสีส้ม ส่วนก้านเกสรตัวเมียมีสีขาว ก้านยาว มีรังไข่ 2 ช่อง กลีบเลี้ยง 4 กลีบ คล้ายรูปช้อน งอเป็นกระพุ้ง
แยกเป็น 2 วง ลักษณะกลม และกลีบเลี้ยงจะแข็งหนาและอยู่คงทน
เมื่อเป็นผลก็ยังคงติดกับผลอยู่ และดอกมีกลิ่นหอมเย็น ส่งกลิ่นไปได้ไกล
และดอกบุนนาคจะออกดอกในช่วงระหว่างฤดูร้อนถึงฤดูฝน
ผลบุนนาค
ลักษณะของผลเป็นรูปไข่
ผลแข็งมาก ส่วนปลายโค้งแหลม ปลายไม่แตก เปลือกผลมีรอยด่างสีน้ำตาล
มีขนาดกว้างประมาณ 2.5-3.5
เซนติเมตร และยาวประมาณ 4 เซนติเมตร
ผลมีสีส้มแก่หรือสีม่วงน้ำตาล มีเปลือกเป็นเส้นใยห่อหุ้มอยู่ และมีหยดยางเหนียว
ที่ฐานมีกลีบเลี้ยงหนารองรับอยู่ 4 กลีบติดอยู่
และจะขยายโตขึ้นเป็นกาบหุ้มผล ภายในผลมีเมล็ด 1-4 เมล็ด
ส่วนเมล็ดบุนนาคมีลักษณะของเมล็ดแบนและแข็ง มีสีน้ำตาลเข้ม
ด้านสรรพคุณ
-ช่วยชูกำลัง รักษาอาการอ่อนเพลีย (ดอก, ราก, แก่น)
-ช่วยแก้กระหาย แก้ร้อน อาการกระสับกระส่าย (ดอก)
-ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย (ดอก)
-ช่วยบำรุงโลหิต (ดอก, ราก, แก่น)
-ช่วยบำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น (ดอก)
-ดอกบุนนาคมีสรรพคุณช่วยแก้ไข้ (ดอก)
-ใบใช้ตำเป็นยาพอกโดยผสมรวมกับน้ำนมและน้ำมันมะพร้าวใช้สุมหัวแก้ไข้หวัดอย่างแรง
(ใบ)
-ช่วยแก้ไข้สำประชวร (ดอก, ราก, แก่น)
-ดอกใช้เป็นยารักษาไข้กาฬ (ดอก)
-ผลมีสรรพคุณช่วยขับเหงื่อ หรือจะใช้เปลือกต้นนำมาต้มรวมกับขิงกินก็ได้
(ผล, เปลือกต้น)
-แก่นมีรสเฝื่อน ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน (แก่น, เนื้อไม้)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น