พะยูง
พะยูง
ชื่อพื้นเมือง : ประดู่เสน , ขะยูง, ประดู่ตม , แดงจีน, พะยูงไหม, ประดู่ลาย, พยุง
พะยูง , กระยง กระยูง, หัวลีเมาะ
ชื่อสามัญ : Siamese
Rosewood, Thailand Rosewood, Tracwood, Black Wood, Rose Wood
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dalbergia
cochinchinensis Pierre
ชื่อวงศ์ :
Fabaceae
ด้านนิเวศวิทยา
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้นพะยูง
จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
ผลัดใบช่วงสั้น ๆ มีลักษณะคล้ายกับต้นประดู่ โดยมีความสูงของต้นได้ถึง 25
เมตร เมื่อโตเต็มที่ลำต้นจะมีลักษณะเปลาตรง
มีเรือนยอดเป็นรูปทรงกลมหรือรูปไข่ทึบ เปลือกต้นเรียบเป็นสีเทา และล่อนเป็นแผ่นบาง
ๆ ส่วนเปลือกด้านในเป็นสีน้ำตาลแกมสีเหลือง
เนื้อไม้เป็นสีแดงอมม่วงถึงแดงเลือดหมูแก่ เนื้อละเอียด มีความแข็งแรงทนทาน
มีแก่นหอมร้อนและมีรสขมฝาดเล็กน้อย การขยายพันธุ์ที่นิยมทำกันก็คือ
การนำเมล็ดมาเพาะให้เป็นต้นกล้า ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกและนิยมกันมาก
สำหรับวิธีการขยายพันธุ์โดยวิธีอื่น ๆ ก็สามารถทำได้โดยการนำเหง้ามาปักชำ
สามารถขึ้นได้ในดินทุกชนิด ทนแล้งได้ดี
ต้นพะยูงเป็นพันธุ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศเมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม
ในประเทศไทยพบขึ้นกระจัดกระจายทั่วไปตามป่าเบญจพรรณชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าราบ
ป่าโปร่ง และขึ้นประปรายทั่วไปทางภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในพื้นที่ที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-300 เมตร
ใบพะยูง
ใบเป็นใบประกอบ
ออกเป็นช่อแบบขนนกปลายคี่ ช่อติดเรียงสลับกัน ยาวประมาณ 10-15
เซนติเมตร ใบและช่อจะใบย่อยมีลักษณะเป็นรูปรีแกมรูปไข่
ติดเรียงสลับประมาณ 7-9 ใบ ปลายสุดของช่อใบเป็นใบเดี่ยว
ลักษณะของใบเป็นรูปไข่แกมรูปขอบขนาน รูปไข่ หรือรูปใบหอก ปลายใบแหลมยื่นเล็กน้อย
โคนใบมนกว้าง แล้วค่อย ๆ เรียวสอบแหลมไปทางปลายใบ ส่วนขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย
ใบมีขนาดกว้างประมาณ 3-4 เซนติเมตร และยาวประมาณ 4-7 เซนติเมตร ใบมีลักษณะเหนียวคล้ายกับแผ่นหนังบาง ๆ
หลังใบเป็นมันสีเขียวเข้มกว่าด้านท้องใบ โดยท้องใบเป็นสีเขียวนวล
ใบเกลี้ยงไม่มีขนทั้งสองด้าน เส้นแขนงใบมีประมาณ 6-8 คู่
พอสังเกตเห็นได้ทั้งสองด้าน ก้านใบย่อยยาวประมาณ 3-6 เซนติเมตร
ส่วนแกนกลางใบประกอบยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร
ดอกพะยูง
ดอกออกรวมกันเป็นช่อแยกแขนง
ตามปลายกิ่งหรือตามง่ามใบใกล้กับปลายยอด ช่อดอกตั้งขึ้น ยาวประมาณ 10-20
เซนติเมตร ดอกมีขนาดเล็ก ลักษณะของกลีบดอกเป็นรูปดอกถั่วสีขาวนวล
มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ดอกเมื่อบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 5-8 มิลลิเมตร กลีบดอกมี 5 กลีบ
ส่วนกลีบฐานดอกเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วยตื้น ๆ หรือเป็นรูประฆัง ขอบหยักเป็นแฉกตื้น
ๆ 5 แฉก มีขนสั้น กลีบคลุมมีลักษณะคล้ายรูปโล่
กลีบปีกสองกลีบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ส่วนกลีบกระโดงเชื่อมติดกัน
มีลักษณะคล้ายรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวหรือรูปเรือ ดอกมีเกสรเพศผู้ 10 อัน อันบนอยู่เป็นอิสระ นอกนั้นจะอยู่ติดกันเป็นกลุ่ม ๆ
ส่วนรังไข่มีลักษณะเป็นรูปรี ภายในมีช่องเดียว แต่มีไข่อ่อนอยู่หลายหน่วย
หลอดท่อรังไข่มีหลอดเดียว ยาวยื่นพ้นเกสรเพศผู้ขึ้นมา
โดยต้นพะยูงจะออกดอกในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม
ผลพะยูง
ออกผลเป็นฝัก
ลักษณะของฝักเป็นรูปขอบขนาน แบนและบอบบาง มีขนาดกว้างประมาณ 1.2
เซนติเมตร และยาวประมาณ 4-6 เซนติเมตร
ผิวฝักเกลี้ยง ตรงกลางมีกระเปาะหุ้มเมล็ด
บริเวณที่หุ้มเมล็ดจะมองเห็นเส้นแขนงไม่ชัดเจน ฝักจะแก่ประมาณ 2 เดือนหลังการออกดอก ซึ่งจะอยู่ในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน
เมื่อฝักแก่แล้วจะไม่แตกออกเหมือนฝักมะค่าโม่งหรือฝักไม้แดง
แต่ฝักจะร่วงหล่นโดยที่เมล็ดยังอยู่ในฝัก
เมล็ดพะยูง
เมล็ดมีลักษณะเป็นรูปไต สีน้ำตาลเข้ม
มีประมาณ 1-4 เมล็ดต่อฝัก
ผิวเมล็ดค่อนข้างมัน มีขนาดกว้างประมาณ 4 มิลลิเมตร
และยาวประมาณ 7 มิลลิเมตร
ด้านสรรพคุณ
-ตำรับยาพื้นบ้านอีสานจะใช้เปลือกต้นหรือแก่นพะยูง
นำมาผสมกับแก่นสนสามใบ แก่นขี้เหล็ก และแก่นแสมสาร
ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้มะเร็ง (เปลือกต้น, แก่น)
-รากใช้กินเป็นยารักษาอาการไข้พิษเซื่องซึม
(ราก)
-เปลือกนำมาต้มเอาแต่น้ำ
ใช้เป็นยาอมรักษาโรคปากเปื่อย ปากแตกระแหง (เปลือก)
-ยางสดใช้เป็นยาทาปาก
รักษาโรคปากเปื่อย (ยางสด)
-ยางสดใช้ทาแก้เท้าเปื่อย (ยางสด)[
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น