กัลปพฤกษ์
กัลปพฤกษ์
ชื่อพื้นเมือง :
เปลือกขม, แก่นร้าง, กานล์, กาลพฤกษ์, กัลปพฤกษ์
ชื่อสามัญ : Wishing Tree, Pink Shower, Pink cassia
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia bakeriana
Craib
ชื่อวงศ์ :
Leguminosae
ด้านนิเวศวิทยา
พบในป่าป่าเบญจพรรณ และ เขาหินปูนโปร่ง
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้นกัลปพฤกษ์
จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
สูงได้ประมาณ 5-15 เมตร มีความสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 12 เมตร
เรือนยอดแผ่กว้าง แต่ไม่หนาแน่นทึบ แตกกิ่งต่ำและทอดกิ่งยาวขึ้นสู่ด้านบน
เปลือกต้นด้านนอกเรียบเป็นสีเทา ส่วนเนื้อไม้เป็นสีเหลืองถึงสีน้ำตาล
บริเวณยอดและกิ่งอ่อนมีขนอ่อนขึ้นปกคลุมหนาแน่น
นิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธีการนำเมล็ดมาเพาะเป็นต้นกล้า ขึ้นได้ในดินทั่วไป
สามารถขึ้นได้ในพื้นที่ที่ดินไม่ค่อยสมบูรณ์ ชอบความชื้นปานกลาง แสงแดดแบบเต็มวัน
พรรณไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดในแถบประเทศพม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม
ในประเทศไทยพบขึ้นได้ตามป่าแดง ป่าโคก ป่าเต็งรัง และป่าเบญจพรรณแล้งทางภาคเหนือ
ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั่วไป
(บางครั้งพบอยู่บนเทือกเขาหินปูนที่แห้งแล้ง) ที่ระดับความสูงประมาณ 300-1,000
เมตร
ใบกัลปพฤกษ์
ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่
เรียงสลับ เป็นช่อยาวประมาณ 15-40
เซนติเมตร ก้านช่อใบยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร
มีใบย่อยประมาณ 5-8 คู่ เรียงจากเล็กไปหาใหญ่
ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปขอบขนานถึงรูปใบหอก ปลายใบกลม บางครั้งมีติ่งสั้น ๆ
อยู่ตรงปลายสุด โคนใบบนและเบี้ยวเล็กน้อย ส่วนขอบใบเรียบ มีขนาดกว้างประมาณ 1.5-3
เซนติเมตร และยาวประมาณ 4-9 เซนติเมตร
แผ่นใบบาง เส้นแขนงใบมีข้างละ 7-9 เส้น
เนื้อใบมีขนละเอียดนุ่มขึ้นปกคลุมทั้งสองด้าน
โดยบริเวณด้านท้องใบจะมีขนขึ้นหนาแน่นมากกว่าด้านหลังใบ
ดอกกัลปพฤกษ์
ออกดอกเป็นช่อกระจะตามกิ่งพร้อมกับแตกใบอ่อน
ช่อดอกไม่แตกแขนง ยาวได้ประมาณ 5-10
เซนติเมตร มีขนสีเหลืองขึ้นปกคลุม ช่อดอกจะออกแน่นเป็นกลุ่มตลอดกิ่ง
ก้านดอกยาวได้ประมาณ 4-6 เซนติเมตร
ดอกมีใบประดับที่มีลักษณะเป็นรูปใบหอกชัดเจน มีขนาดกว้างประมาณ 7 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 0.7-1.2 เซนติเมตร
เมื่อเริ่มบานดอกจะเป็นสีชมพู แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ
จนถึงสีขาวเมื่อใกล้ร่วงโรย กลีบเลี้ยงดอกมี 5 กลีบ
มีลักษณะเป็นรูปใบหอกแกมรูปไข่ ปลายกลีบแหลม มีขนาดกว้างประมาณ 2-3 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 9-12 มิลลิเมตร
มีขนนุ่มปกคลุมทั้งสองด้าน ส่วนกลีบดอกมี 5 กลีบเช่นกัน
มีลักษณะเป็นรูปใบหอกแกมรูปไข่ ปลายมน โคนเรียวแคบ มีขนาดกว้างประมาณ 2-2.5
เซนติเมตร และยาวประมาณ 4-5.5 เซนติเมตร
ที่โคนกลีบดอกจะคอดเข้าหากันเป็นก้านแคบ ๆ ยาวได้ประมาณ 5 มิลลิเมตร
กลางดอกมีเกสรเพศผู้สีเหลือง เกสรเพศผู้มี 10 อัน
มีขนาดไม่เท่ากัน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกมี 3 อัน ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3.5-5 เซนติเมตร
กลุ่มที่ 2 จะมี 4 อัน
ก้านชูอับเรณูยาวเพียงครึ่งหนึ่งของกลุ่มแรก ส่วนกลุ่มที่ 3 มี
3 อัน อับเรณูมีขนาดเล็กมาก ก้านชูอับเรณูยาวได้ประมาณ 1-1.5
เซนติเมตร มีรังไข่เรียวโค้งยาวประมาณ 4 เซนติเมตร
มีขนสีขาวขึ้นปกคลุมบาง ๆ รังไข่ติดอยู่บนก้านส่ง
เมื่อดอกบานเต็มที่จะมีขนาดกว้างประมาณ 3-5 เซนติเมตร
ผลกัลปพฤกษ์
ผลมีลักษณะเป็นฝักรูปทรงกระบอกยาวแคบ
สีน้ำตาล แขวนลงมาจากกิ่ง ฝักมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 30-40
เซนติเมตร ฝักมีขนนุ่มสีเทาปกคลุมตลอด ภายในฝักแบ่งออกเป็นช่อง ๆ
ตามขวาง เนื้อในฝักเป็นสีขาวปนเขียว มีเมล็ดประมาณ 30-40 เมล็ด
ผลจะออกในช่วงเดียวกับการผลิดอก คือช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน
ซึ่งเป็นระยะเดียวกับการทิ้งใบทั้งหมดในช่วงต้นฤดูร้อน
โดยช่อดอกจะออกแน่นเป็นกลุ่มติดอยู่ได้นานหลายวัน โดยจะทยอยบานประมาณ 3-4 สัปดาห์ และจะแก่ประมาณเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน
เมล็ดกัลปพฤกษ์ เมล็ดมีลักษณะค่อนข้างกลม รูปไข่ รูปรี
ถึงรูปขอบขนาน มีสีน้ำตาลเป็นมัน มีขนาดกว้างประมาณ 6-7 มิลลิเมตร
และยาวประมาณ 0.8-1.1 เซนติเมตร
ด้านสรรพคุณ
-เปลือกฝักและเมล็ดมีรสขมเอียน
ใช้เป็นยาลด ถ่ายพิษไข้ได้ดี
-เนื้อในฝักมีรสหวานเอียนขม
ใช้ปรุงเป็นยาระบายอ่อน ๆ ระบายอุจจาระธาตุ แก้พรรดึกได้โดยไม่ไซ้ท้อง
ช่วยระบายท้องเด็กได้ดีมาก โดยให้ใช้ในขนาด 8 กรัม
เหมาะสำหรับใช้ในเด็กเพราะไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงเหมือนยาระบายที่แรงกว่า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น